Accessibility Tools

Skip to main content

“ คำว่า...แม่ สัมผัสได้ด้วยหัวใจ”

โดย

              นางนงลักษณ์ ศรีหะจันทร์

              พนักงานพี่เลี้ยงคนพิการ โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อนลพบุรี

    “ คำว่า...แม่ สัมผัสได้ด้วยหัวใจ”
    ข้าพเจ้าปฏิบัติงานในตำแหน่งครูหอพักมาเป็นเวลา 9 ปี นักเรียนในความดูแลของข้าพเจ้า จะเรียกข้าพเจ้าว่า “แม่” ทุกครั้งที่ได้ยิน คำนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกอิ่มเอิบและมีความสุขเสมอ ข้าพเจ้าทำหน้าที่ดูแล ช่วยเหลือ และฝึกให้นักเรียนมีทักษะในการดำเนินชีวิตประจำวัน สอนมารยาท และคุณธรรมจริยธรรมอันดีงามให้กับนักเรียน

ด้วยหวังใจว่า ในอนาคตข้างหน้า ลูกๆที่ข้าพเจ้าดูแลจะสำเร็จการศึกษาและเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างปกติสุขและสง่างาม  คำว่า “แม่” สำหรับข้าพเจ้าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่ข้าพเจ้าดูแลเอาใจใส่ลูกๆทุกๆคนไม่ต่างจากแม่ ในบางครั้งเมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าลูกๆเริ่มดื้อ หรือเกเร แม่คนนี้ก็คอยอบรมบ่มนิสัย ให้ความรัก ความอบอุ่น พร่ำสอนให้ลูกๆรู้จักผิด ชอบ ชั่ว ดี และสอนให้ลูกได้พยายามช่วยเหลือตนเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฝึกให้ลูกมีความเข้มแข็ง และอดทนต่อความยากลำบากต่อปัญหานานัปการที่ลูกอาจจะได้เผชิญในอนาคตข้างหน้า และหวังว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าสอนจะติดตัวเขาไปเมื่อสำเร็จการศึกษาไปแล้ว
    ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสเข้ามาทำงานเป็นครูหอพักที่โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อนลพบุรีแห่งนี้ ชีวิตของข้าพเจ้านั้นมีความลำบากยากเข็ญ ต้องทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว และมักจะโทษโชคชะตา คิดเสมอว่าตนเองเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก ข้าพเจ้ามองแต่คนที่เหนือกว่าจนหมดกำลังใจ มองไปทางไหนก็ไร้ทางออก จนกระทั่งข้าพเจ้าได้เข้ามาทำงานที่มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดูแลและอบรมสั่งสอนนักเรียนตาบอดและตาบอดพิการซ้อน ความคิดของข้าพเจ้าก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
    แรกๆรู้สึกหวาดกลัว ไม่มั่นใจ เพราะไม่มีความรู้เรื่องการดูแลนักเรียนตาบอดพิการซ้ำซ้อนเลย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร และจะเริ่มจากตรงไหน จะดูแลพวกเขาอย่างไรถึงจะถูกวิธี แต่ก็ได้รับการอบรมและได้รับ คำแนะนำจากหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงาน สอนวิธีการทำงาน ให้คิดว่าพวกเขาคือลูกๆของเรา เราจะทำอย่างไรให้เขาช่วยเหลือตนเองให้ได้ เราจะทำอย่างไรให้เขาไว้ใจเรา พออยู่ด้วยกันนานไปก็เกิดความผูกพัน ข้าพเจ้าจึงมองพวกเขาไม่ต่างจากลูกของตนเอง ยิ่งยามได้ยินพวกเขาเรียกข้าพเจ้าว่า “แม่” ด้วยแล้ว จิตวิญญาณของความเป็นแม่ก็เปี่ยมล้น จากที่เคยดูแลกิจวัตรประจำวันเพียงอย่างเดียว ข้าพเจ้าก็เริ่มพูดตักเตือนยามลูกๆทำผิด แนะนำในเรื่องต่างๆ ห้ามในเรื่องที่ไม่สมควร บางครั้งก็แอบน้อยใจ เมื่อตักเตือนลูกๆแล้วเขาไม่ฟังไม่ปฏิบัติตาม และหมดกำลังใจในการทำงานไปบ้าง แต่ข้าพเจ้าก็ยังทำหน้าที่ของตนเองต่อไป จากที่พร่ำบ่นและพูดมากก็ลดลงเพราะยังรู้สึกน้อยใจอยู่ เมื่อเทศกาลวันแม่มาถึงสิ่งที่สร้างความประทับใจให้ข้าพเจ้าไม่รู้ลืม นั่นคือเด็กๆนำดอกมะลิมาไหว้ข้าพเจ้า อาการน้อยอกน้อยใจก็เปลี่ยนเป็นปลื้มปีติ นั่นทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าต่อให้พวกเขาจะดื้อ ซน เกเร ให้ข้าพเจ้าต้องหนักใจบ้าง แต่ข้าพเจ้าก็รักเขาและเขาก็รักข้าพเจ้า และพวกเขาก็ยังไว้วางใจให้ข้าพเจ้าเป็นแม่คนที่สองของพวกเขา ฝากชีวิตในช่วงเวลากลางคืนให้เหล่าแม่ๆครูหอพักปกป้องดูแลให้พวกเขานอนหลับฝันดีตลอดคืน
    ตลอด 9 ปี ที่ข้าพเจ้าทำงานเป็นครูหอพักในโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดและคนตาบอดพิการซ้ำซ้อนลพบุรีแห่งนี้ มีบ้างที่เหนื่อย มีบ้างที่ท้อ แต่ความคิดที่ว่าตัวเองโชคร้ายที่สุดในโลกไม่มีอีกแล้ว มีแต่ความสุข สนุกสนานในการทำงาน อุปสรรคที่คิดว่าหนักหนาก็ก้าวผ่านไปด้วยจิตใจที่สงบและยอมรับในความเป็นไปได้มากขึ้น ที่สำคัญข้าพเจ้ายังคงตั้งใจสวมจิตวิญญาณของความเป็นแม่ต่อไป เพื่อรอดูวันที่ลูกๆประสบความสำเร็จในชีวิต

  • ฮิต: 36